Logitech Yeti Orb และ Yeti GX ไมค์คุณภาพโคตรดีและดีไซน์สวยที่คุณห้ามพลาด!!?

วันนี้เราอยู่กับ Logitech Yeti Orb และ Yeti GX ทั้งสองตัวนี้สามารถใช้ร่วมกับซอฟแวรต์ Logitech G Hub เพื่อปรับตั้งค่าทั้งคุณภาพเสียงเสียงไมค์ ตั้งค่า Preset ต่างๆ รวมไปจนถึง Effect การแสดงผลของไฟ

ในส่วนของดีไซน์ภายนอก แม่ว่าทั้งสองรุ่นนี้จะเป็นสองรุ่นที่เปิดตัวมาพร้อมกัน แต่ดีไซน์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างที่ทุกคนทราบ Logitech ได้เข้าซื้อค่าย Blue ซึ่งค่าย Blue เนี่ยเขาโดดเด่นมากๆ เรื่องของคุณภาพไมโครโฟน หลังจากที่เขาได้ซื้อค่าย Blue มาแล้ว เขาก็เอามาปรับปรุงใหม่ได้มีการเสริมเติมกลบจุดด้อยต่างๆ จนกลายมาเป็น 2 รุ่นนี้

Logitech announces plans to acquire Blue | Worship AVL

โดยรุ่นแรกคือ Yeti Orb ตัวนี้มีดีไซน์คล้ายๆ กับ Blue Snowball ต่างตรงที่เปลี่ยนดีไซน์จากที่ดูวินเทจ ให้มีความเกมมิ่งและมินิมอลมากยิ่งขึ้น ปรับคุณภาพเสียงระดับ 16 เป็น 24 bit รูปแบบการรับเสียงเป็นแบบคาร์ดิออย คือมีทิศทางการรับเสียงด้านเดียว บอดี้เป็นพลาสติกดำด้าน ทำให้มีน้ำหนักที่เบามากๆ ฐานเป็น 3 ง่ามที่มั่นคงมากขึ้น ตัวขาตั้งสามารถเลือกต่อได้ 2 จุดก็เพื่อผู้ใช้สามารถเลือกปรับองศาไมโครโฟนได้ แต่วิธีนี้จะเป็นการปรับองศาแบบ Fix ไปเลย คือเราไม่สามารถใช้มือปรับองศาได้ตามใจชอบนั่นเองครับ การเชื่อมต่อเป็น Port USB-C to USB-C ครับ และให้สายยาวมาประมาณ 2 เมตร

ในส่วนของ Yeti GX ตัวนี้ถือเป็นรุ่นขั้นกว่าของ Yeti Orb แม้จะมีดีไซน์ที่ดูหรูหรา แต่ยังคงให้ความเท่สไตลเกมมิ่ง ซึ่งเราสามารถใช้เป็นไมโครโฟนตั้งโต๊ะก็ได้ หรือจะใช้ร่วมกับขาตั้งไมโครโฟนแบบหนีบก็ได้ ซึ่งเขาได้มีการแถมตัวข้อต่อมาให้เพื่อให้ใช้กับกับขนาดเต้าเสียบได้อีก 1 ขนาดนั่นเองครับ ในส่วนของปุ่มต่างๆ ของไมค์มีเด่นๆ 2 ปุ่ม คือปุ่มกดปิดไมค์ และปุ่มเลื่อนขึ้นลง เพื่อนปรับลดเสียงไมค์ ซึ่งจะสังเกตุได้ว่ามีไฟที่ปุ่มนี้ด้วย โดยไฟที่ปุ่มนี้จะทำหน้าที่แสดงผลขณะที่เรามีการใช้ไมค์ เช่นถ้าเรากำลังคุยกับเพื่อนผ่านดิสคอต ไมค์ตรวจพบเสียงที่เราพูดมันโอเวอร์เกินไปก็จะเปลี่ยนไฟเป็นสีแดง อีกทั้งถ้าเรากดปิดไมค์ไว้ สัญญาณไฟก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง เพื่อเป็นอินดิเคเตอร์บอกเราว่า ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตอนนี้กำลังปิดไมค์อยู่ครับ

ด้วยความที่ไมค์ทั้งสองตัวนี้ เป็นแบบ Cardioid และ Super Cardioid องศาของไมค์นั้นมีผลมากต่อการใช้งาน โดยตัว Yeti Orb องศาที่เลือกได้จะมีแค่สองระดับ ก็ให้ปรับมาที่ให้ตรงองศาปากที่สุด ในส่วนของ Yeti GX จะได้เปรียบกว่าเพราะปรับได้แบบไม่ Fix แบบนี้ครับ แล้วก็อย่าลืมนะ ว่า Yeti GX รับเสียงแบบ Super Cardioid ถ้าเอามาตั้งตรงๆแบบนี้ เสียงคุณจะเบามากๆเลยนะ เพราะผมโดนมาแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าเอามาตั้งตรงๆ แต่ที่ไหนได้จุดรับเสียงไมค์อยู่ที่ด้านบนหรือปลายไมค์ ดังนั้นเวลาใช้งานให้รับเสียงได้เต็มที่ก็ปรับองศาหัวไมค์ให้ตรงกับปากเรามากที่สุด

รื่องของไฟกัน Yeti Orb นั้นจะมีไฟให้ปรับแค่เพียงจุดเดียวนั้นคือตรงตัว G ที่เป็นโลโก้ของ Logitech ในส่วนของ Yeti GX ในสามารถปรับได้ 2 จุดคือที่ตัว G ที่เป็นโลโก้ และที่ก้นของไมค์ โดยที่ก้นไมค์สามารถปรับได้หลายรูปแบบหลายสีอีกด้วย ถือเป็นจุดเด้นอีกหนึ่งอย่างของ Yeti GX นั้นเอง

สำหรับ Ecosystem ของ Logitech G ที่ลองรับแอพพลิเคชั่น Logitech G Hub คือการ Sync ไฟกับเกมส์ต่าง คือเวลาเราเล่นเกมส์เช่น Dota Civilization หรือเกมส์ใดๆ ที่มีการใช้สีแสดงสถานะต่างๆ ไฟของอุปกรณ์ Logitech G ที่รองรับกับ Logitech G Hub จะทำการเปลี่ยนสีตามเกมส์ๆนั้นทั้งหมด เช่น สมมติว่าผมเล่นเกมส์ Civilization แล้วเลือกเล่นประเทศที่ใช้สีประจำอณาเขตเป็นสีชมพู อุปกรณ์ที่มีไฟ LightSync ก็จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูทั้งหมด รวมไปจนถึงไมค์ 2 ตัวนี้ด้วยครับ เรียกได้ว่าเป็นกิมมิกแสดงผลไฟที่ผมชอบมากๆ

ส่วนของการรับเสียง ต้องบอกก่อนเลยว่าจัดมาให้สุด ซึ่งทาง Logitech ได้แคลมมาเลยนะครับว่านี่มันคือไมค์คุณภาพระดับห้องส่งกันเลยทีเดียว ด้วยแคปซูลไดนามิก และทิศทางการรับเสียงแบบซุปเปอร์คาร์ดิออย ให้การรับเสียงที่ยอดเยี่ยมอีกทั้งปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แน่นอนว่าด้วยความเป็น Blue Voice เราสามารถปรับตั้งค่าเสียง Equalizer ของเราและ Preset ต่างๆ ได้ จะเอาเพิ่มเสียงสูงเสียงต่ำปรับได้ตามใจชอบ

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทั้ง Yeti Orb และ Yeti GX มีเหมือนกันคือ Smart Audio Lock ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยโปรเซสเสียงให้มีระดับที่คงที่ และคุณภาพสม่ำเสมอ ซึ่งเราสามารถเปิดปิดฟีเจอร์นี้ได้ผ่านโปรแกรม Logitech G Hub

สามารถรับชมรีวิวเต็มๆได้ที่

Youtube : TW Verse

 

You cannot copy content of this page