รวมเม้าส์สำหรับ Work from Home จาก Logitech

 

โดยเม้าส์ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ จะแบ่งกลุ่มตามประเภทการใช้งานนะคะ

M100r M171 M185 และ M190

เริ่มกันที่กรุ๊ปแรกคือ รุ่น M100r M171 M185 และ M190 ซึ่งเป็นรุ่นมาตรฐานนั่นเอง โดย 4 รุ่นนี้ ใช้เซนเซอร์ตัวเดียวกันนั่นก็คือ ออปติคอลเซนเซอร์ที่ให้ความราบรื่น ตัวล้อเลื่อนเป็นแบบบรรทัดต่อบรรทัดเหมือนกัน แถมทั้ง 4 รุ่นนี้ยังเป็นเมาส์ที่สามารถใช้ได้ทั้งมือซ้ายและมือขวาเหมือนกันด้วยค่ะ มาดูที่ M100r กันก่อนเลยค่ะ ตัวนี้เป็นเมาส์มีสายขนาดมาตรฐานที่มีความทนทาน เหมาะกับคนมือใหญ่ที่ไม่ได้ต้องการฟังก์ชันอะไรมากมายค่ะ ถ้าใครที่ไม่อยากได้เมาส์มีสาย แต่อยากได้เป็นรุ่นไร้สายราคาประหยัด ต้องมาลองรุ่น M171 และ M185 เมาส์ไร้สายที่เชื่อมต่อแบบ Plug and Play ขนาดกระทัดรัด เหมาะกับการพกพาออกไปข้างนอกค่ะ ซึ่งเมาส์สองรุ่นนี้แตกต่างกันที่ดีไซน์เท่านั้น โดย M185 จะมีความโค้งมนทำให้จับได้ถนัดมือมากกว่า แต่ถ้าใครที่อยากได้เมาส์ไร้สายในรุ่นมาตรฐานแบบนี้ แต่ไม่อยากได้ขนาดกระทัดรัด ต้องเลือกรุ่น M190 แทนนะคะ เพราะเป็นเมาส์ไร้สายขนาดมาตรฐาน ที่เหมาะสำหรับมือขนาดกลางและมือขนาดใหญ่นั่นเองค่ะ

M221 M331 M350 M590

ต่อมาจะเป็นกลุ่มเมาส์ไร้เสียง โดยจะมีให้เลือก 4 รุ่น นั่นก็คือ M221 M331 M350 และ M590 แต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างในรายละเอียดนิดหน่อย เราดูไปทีละตัวกันเลยค่ะ เริ่มที่ M221 เมาส์ไร้สายขนาดกระทัดรัด ที่ดีไซน์มีความโค้งมน จับได้ถนัดมือ และสามารถใช้ได้ทั้งมือซ้ายและมือขวา ต่อมาในรุ่น M331 จะมีความแตกต่างในเรื่องของดีไซน์ที่ออกแบบให้เว้าบริเวณด้านข้างและมีแผ่นยางที่ช่วยให้จับถนัดมือมากยิ่งขึ้น มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อทำให้จับได้ไม่เมื่อยมือ แต่จะเหมาะสำหรับคนที่ใช้มือขวาเท่านั้น สำหรับการเชื่อมต่อของ M221 และ M331 จะเชื่อมต่อ USB-A ไร้สายได้อย่างเดียว หากใครต้องการใช้แบบ Bluetooth ด้วย ก็แนะนำ M350, M590 ที่สามารถใช้งานได้ทั้งใน PC Smart Phone และ Tablet และรองรับระบบ Easy Switch ช่วยสลับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง USB Unifying และ Bluetooth โดยทั้งสามรุ่นจะแตกต่างกันที่ดีไซน์ ซึ่ง M350 จะออกแบบมาให้มีความกระทัดรัด รูปทรงแบนและเล็ก เพื่อให้เหมาะแก่การพกพาออกไปข้างนอก แต่ด้วยดีไซน์จะทำให้จับได้ไม่ค่อยถนัดมือนัก ในขณะที่ M590 จะออกแบบมาให้มีความโค้งมนบริเวณนิ้วโป้ง รับกับมือขณะจับ และยังมีปุ่มสำหรับตั้งค่าคีย์ลัดต่างๆ ได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์อีกด้วย

สินค้ารุ่นใหม่ POP Mouse และ M650

สำหรับสินค้า 2 รุ่นใหม่นี้จะยังคงอยู่ในกลุ่มเม้าส์ไร้เสียง แต่ด้วยความที่เป็นของใหม่ ทำให้จะมีลูกเล่นพิเศษเพิ่มขึ้นมา โดยทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมกับปุ่ม Scroll แบบ SmartWheel ที่จะสามารถเลื่อนช้าๆทีละครั้งแบบปกติก็ได้ หรือจะเลื่อนเร็วๆเพื่อเลื่อนผ่านก็ทำได้ทันทีโดยไม่ต้องกดปุ่มอื่นหรือตั้งค่าใดๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมปุ่มลัดที่ตั้งค่าได้ โดยตัว POP Mouse จะมีเพิ่มมา 1 ปุ่มสำหรับเปิดหน้าต่าง Emoji หรือตั้งค่าให้ทำหน้าที่อื่นส่วน M650 จะมีปุ่มพิเศษมาให้ 2 ปุ่ม สำหรับความแตกต่าง POP Mouse  จะสามารถเชื่อมต่อได้สูงสุด 3 อุปกรณ์ผ่าน Bluetooth และดีไซน์เน้นพกพา ส่วน M650 จะดีไซน์ให้เน้นจับสบาย ใช้งานได้ยาวๆ และเชื่อมต่อได้ทีละอุปกรณ์ผ่านตัวรับสัญญาณ USB Logi Bolt หรือ Bluetooth

M720

นอกจากรุ่นไร้เสียงที่กล่าวมานะคะ ยังมีอีกรุ่นที่เป็นเมาส์มือขวาแต่ไม่ไร้เสียงที่ใกล้เคียงกับรุ่นตัวท็อป นั่นก็คือ M720 Triathlon ซึ่งเป็นเมาส์ที่รองรับการใช้งานแบบหลากหลายอุปกรณ์เหมือนกัน  โดยจะเป็นเมาส์ที่มีระบบการเลื่อนแบบ Hyper Fast ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากเลยค่ะ มีปุ่มสำหรับปรับตั้งค่าได้ถึง 6 ปุ่ม และเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้ถึง 3 อุปกรณ์ โดยมีปุ่มสำหรับกดเปลี่ยนบนเม้าส์ได้เลย เหมาะมากๆ สำหรับคนที่มีการใช้งานในหลายๆ อุปกรณ์ และต้องการเมาส์เทพๆ ในราคาที่ไม่สูงมากจนเกินไป

M337 M557

แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบการพก USB Unifying เพราะกลัวหาย กลัวลืม จะต้องสนใจ M337 และ M557 แน่ๆ ค่ะ เพราะสองรุ่นนี้เป็นเมาส์ไร้สายที่เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth นั่นเอง โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีความกะทัดรัดและแบนๆ เพื่อให้พกพาได้ง่าย ใช้งานได้ทั้งมือซ้ายและมือขวา แต่ด้วยความแบนนี้อาจจะทำให้จับแล้วไม่ค่อยเต็มมือ ใช้งานนานๆอาจจะมีเมื่อยๆกันบ้าง สำหรับความแตกต่าง M337 จะมีเซนเซอร์ที่ดีกว่า ใช้ได้กับแทบจะทุกพื้นผิว และยังสามารถใช้ได้กับทั้ง PC Tablet Smart phone ในขณะที่ M557 จะใช้ได้กับ Windows และ Mac เท่านั้น

MX Ergo MX Anywhere 3 MX Master 3

และก็มาถึงกลุ่มสุดท้ายนั่นก็คือกลุ่มเมาส์รุ่นท็อปจากทาง Logitech นะคะ โดยมาเริ่มกันที่รุ่นแรกที่จะแปลกออกไปเลยก็คือ MX Ergo เมาส์แทร็กบอลไร้สาย ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยเมาส์ตัวนี้จะใช้แทรกบอลในการควบคุมเคอเซอร์แทนการเลื่อนไปมา ทำให้ไม่ต้องขยับข้อมือไปไหน สามารถปรับองศาการเอียงได้ 2 ระดับ ทำให้คนที่ไม่เคยใช้จะต้องใช้เวลาปรับตัวไปสักระยะเลยค่ะ โดยเมาส์ตัวนี้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ มีปุ่มให้ตั้งค่าได้ 6 ปุ่ม เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการความแปลกใหม่ อยากลดหรือป้องกันการอ่อนล้า และมีพื้นที่ในการทำงานน้อยค่ะ ต่อมาในรุ่น MX Anywhere 3 และ MX Master 3 เมาส์ที่รวบรวมเทคโนโลยีขั้นสูงของ Logitech ไว้ในทุกดีเทล ทั้งวัสดุ ระบบเซนเซอร์ และล้อเลื่อนต่างๆ โดยตัวล้อเลื่อนจะเป็นแบบ Max Speed ที่แม่นยำและเลื่อนได้เร็วมากๆ ซึ่งตัวล้อเลื่อนสามารถปรับโหมดได้ถึง 2 โหมด และเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้ 3 อุปกรณ์ นอกจากนี้ยังเซ็นเซอร์ Darkfeild ที่ทำให้ใช้งานได้ทุกพื้นผิว โดยสิ่งที่แตกต่างกันของสองรุ่นนี้คือ ดีไซน์การออกแบบ ซึ่ง MX Anywhere 3 จะออกแบบมาให้มีความกระทัดรัด เน้นพกพาสะดวก ในขณะที่ MX Master 3 จะเป็นเมาส์ขนาดมาตรฐานที่เน้นออกแบบให้สามารถจับได้ถนัดมือ ไม่เมื่อย และยังมี Scroll Wheel ด้านข้างที่เพิ่มขึ้นมาด้วยค่ะ สำหรับเมาส์ทั้ง 3 รุ่นนี้มีรีวิวแยกแบบจัดเต็มให้แล้วนะคะ ใครที่อยากฟังรีวิวเต็มๆ ก็สามารถกดที่ลิงก์ได้เลยค่ะ

 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ เมาส์ Logitech

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ เมาส์และคีย์บอร์ดที่วันนี้เอามาเล่าคร่าวๆ ให้ฟัง ถูกใจกันบ้างมั้ยคะ ใครที่จับคู่คีย์บอร์ดกับเมาส์ตัวไหนแล้วรู้สึกประทับใจ ก็ลองมาแชร์เป็นไอเดียกันบ้างนะคะ ตอนนี้ก็จบเรื่อง หูฟัง เมาส์ และคีย์บอร์ดแล้ว สำหรับ EP สุดท้ายของชุด Work Form Home เรามาเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับกล้องเว็บแคมของ Logitech กันบ้าง ให้ฟูลออปชั่นกันไปเลยค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามชมด้วยนะคะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 523 total views,  1 views today