เปรียบเทียบ Tsunami Keyboard MK-02, MK-03, MK-04 | คีย์บอร์ดเล่นเกมสำหรับมือใหม่

 

Mechanical keyboard คีย์บอร์ดแบบกลไก ที่แตกต่างจากคีย์บอร์ด ปุ่มยาง” หรือ “Rubber Dome” ที่ส่วนใหญ่นิยมใช้กัน ตรงที่มีราคาถูกกว่า แต่อายุการใช้งานต่ำ พิมพ์ไม่สบายมือ และเวลามีปุ่มเสียเพียงหนึ่งปุ่มก็จะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด แต่ Mechanical keyboard นั้นแต่ละปุ่มทำงานอยู่บนสวิตช์แยกออกจากกันอย่างชัดเจน  ทำให้หากปุ่มใดปุ่มนึงสวิตช์มีปัญหาก็สามารถเปลี่ยนเป็นอันใหม่ได้ ทั้งยังมีความทนทานมากกว่าอีกด้วย เพราะสวิตช์ส่วนใหญ่สามารถรองรับแรงกดได้มากถึง 50 ล้านครั้ง และนอกจากความทนทานยังให้อรรถรสในการพิมสัมผัสที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แล้วด้วยยุคนี้ E-Sport กำลังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย การหาคีบอร์ดที่ตอบสนองได้ดี คอมโบไม่สะดุด ก็คงไม่ต้องพูดถึงคีย์บอร์ดประเภทอื่นเลยล่ะค่ะ

เมื่อพูดถึง Mechanical keyboard มีจุดเด่นอยู่ที่ความแข็งแรงทนทาน ตัวปุ่มแต่ล่ะปุ่มสามารถถอดออกได้ ทำให้เราสามารถทำความสะอาดคีบอร์ดได้ง่าย และด้วยความที่ถอดออกได้ เรายังสามารถ Customize ตัวปุ่มให้เป็นตามสไตล์ของเราได้อีกด้วยค่ะ ในบางรุ่นอาจมีไฟที่ปุ่มเพื่อเพิ่มความชัดเจนให้กับตัวอักษรในการพิมพ์และยังเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมส์ และไม่ใช่แค่เพียงการเล่นเกม Mechanical keyboard ก็ยังเหมาะที่จะนำมาใช้ทำงานในทุกรูปแบบเลยล่ะค่ะ

 

Tsunami ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มี Mechanical keyboard ที่น่าสนใจอยู่หลายรุ่น โดยใช้สวิตช์ของ Outemu แบรนด์จากจีน ที่มีจุดเด่นเรื่องความแข็งแรง ให้ความรู้สึกแน่นขณะกดใช้งาน และด้วยความที่ราคาย่อมเยา ทำให้ใครที่อยากลองเปลี่ยนจากคีย์บอร์ดเดิมๆ มาลองใช้ Mechanical keyboard นับว่าเป็นตัวเริ่มต้นที่ดีไม่น้อยเลยค่ะ

Hot-Swappable Switches - What's The Deal?! | Fantech World

สำหรับสวิตช์ที่ทาง Tsunami เลือกใช้มีอยู่ 3 แบบอันได้แก่ Red Switch, Blue Switch, Brown Switch โดยคีย์บอร์ดทุกรุ่นจะมีสวิตซ์ให้เลือกครบทั้ง 3 แบบเลยค่ะ

เริ่มกันที่แบบแรกค่ะ คือ Red Switch ซึ่งเป็นสวิตช์แบบ Linear เป็นตัวที่มีแรงต้านน้อยที่สุด ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มีจังหวะการกด 1 จังหวะ มีเสียงกดค่อนข้างเบา เหมาะกับคนที่ชอบการใช้งานคีย์บอร์ดที่ต้องพิมพ์งานด้วยความรวดเร็ว คล่องแคล่ว หรือเล่นเกมที่ต้องมีการกดปุ่มหลายปุ่มในการควบคุมอย่างรวดเร็วนั่นเอง นอกจากนั้นยังเหมาะกับผู้ที่ต้องทำงานในออฟฟิศ เพราะเวลากดคีย์บอร์ดเสียงอาจจะไปรบกวนคนรอบข้างได้นั่นเองค่ะ

แบบต่อมาก็คือ Blue Switch ซึ่งเป็นสวิตช์แบบ Clicky มีแรงต้านและให้อารมณ์การกดมากที่สุด มีเสียงคลิ๊กขณะที่กดลงไป ทำให้เพลิดเพลินขณะใช้งานความรู้สึกเหมือนกดพิมพ์ดีดนั่นเองค่ะ จังหวะการกดเป็นแบบ 2 จังหวะ เวลาเรากดสวิตช์ลงไปตัวสปริงข้างในจะดีด Tactile Bump เพื่อให้สัมผัสกับวงจร ให้ความรู้สึกเหมือนกดปุ่มกล้องที่ต้องกดครั้งแรกเพื่อล็อกโฟกัส ก่อนจะกดซ้ำเพื่อกดชัตเตอร์นั่นเองค่ะ

และแบบสุดท้ายก็คือ Brown Switch ซึ่งเป็นสวิตช์แบบ Tactile ที่เป็นคีย์บอร์ดลูกผสมระหว่าง Red และ Blue Switch ที่มีจังหวะกด 2 จังหวะ ให้อารมณ์การกดแบบ Clicky ในขณะเดียวกันเสียงตอนใช้งานก็เบาเหมือนแบบ Linear นั่นเองค่ะ

 

สำหรับวันนี้เรามี Mechanical keyboard จากแบรนด์ Tsunami ที่น่าสนใจ 3 รุ่นมาแนะนำ นั่นก็คือ

MK-02 ที่มีจำนวนปุ่มมากกว่าอีก 2 รุ่นที่เหลือ โดยมีปุ่มทั้งหมด 104 ปุ่ม เป็นคีย์บอร์ดแบบ full size 100% ที่มีจำนวนปุ่มครบทั้งอักขระ ตัวเลข ลูกศร และปุ่มฟังก์ชั่น เหมาะกับผู้ใช้งานที่จำเป็นต้องใช้ปุ่มตัวเลขอีกด้วยค่ะ ตัวปุ่ม Key Cap สามารถถอดออกได้ โดยเมื่อถอดออกก็จะเห็นสีสวิตช์ข้างในแบบนี้เลยค่ะ นอกจากนั้นยังมาพร้อมไฟ RGB สามารถเปลี่ยนได้โดยกดปุ่ม Fn และปุ่ม SL บริเวณนี้ค่ะ ซึ่งจะปลี่ยนได้ 9 โหมดแบบนี้เลยค่ะ *กดให้ดูทั้ง 9 แบบ* และสามารถเพิ่มและลดแสงไฟได้ 3 ระดับ และปิดไฟได้ เมื่อกดปุ่ม Fn และปุ่มลูกศรขึ้น/ลง และปรับความเร็วของแสงไฟได้ 3 ระดับอีกด้วยเมื่อกดปุ่ม Fn และปุ่มลูกศรซ้าย/ขวา

รุ่นต่อมาเป็น MK-03 รุ่นนี้เป็นแบบ Ten-Key-Less หรือ TKL ค่ะเป็นแบบ 80% มีจำนวนปุ่มกดทั้งหมด 87 ปุ่ม โดยจะมีการวางตัวปุ่มเหมือนกับแบบ full size ทุกอย่างแต่ตัดปุ่มตัวเลขด้านข้างทั้งหมดออกไปค่ะ ก็จะช่วยประหยัดพื้นที่บนโต๊ะทำงานอีกด้วยค่ะ นอกจากนั้นในรุ่นนี้ก็มีไฟ RGB ที่สามารถเปลี่ยนโหมดได้เช่นเดียวกันค่ะ สามารถเปลี่ยนโหมดได้ 9 โหมด โดยต้องกดปุ่ม Fn และปุ่ม INS บริเวณนี้ และสามารถเพิ่มและลดแสงไฟได้ 3 ระดับ และปิดไฟได้ เมื่อกด Fn ปุ่ม INS และลูกศรขึ้น/บลงพร้อมกันค่ะ และปรับความเร็วของแสงไฟได้ 3 ระดับอีกด้วยเมื่อกดปุ่ม Fn และปุ่มลูกศรซ้าย/ขวา

ต่อมารุ่นที่สามเป็น MK-04 รุ่นนี้มีสีให้เลือก 2 สีเลยนะคะ คือสี Youth Black และ Youth Gray เป็น TKL เช่นเดียวกันค่ะ แต่การจัดวางปุ่มจะต่างจากทั้ง 2 รุ่นก่อนหน้านี้ สังเกตตรงตัวปุ่ม Enter มีลักษณะเป็นรูปตัว L และย้ายปุ่ม \ (backslash) มาไว้ที่บรรทัดล่างแทนค่ะ การจัดวางปุ่มกดแบบนี้เรียกว่า ISO (International Organization for Standardization) เป็นรูปแบบคีย์บอร์ดที่นิยมในแถบยุโรปค่ะ และสำหรับ 2 รุ่นก่อนหน้านี้มีการจัดวางในรูปแบบ ANSI (American National Standards Institute) ที่นิยมใช้งานในอเมริกาและในเอเชีย รวมถึงในไทยของเราด้วยค่ะ โดยรุ่นนี้สามารถกดปุ่มรูปหลอดไฟบริเวณนี้เพื่อเปลี่ยนโหมดได้เลยค่ะ ไม่ต้องกดพร้อมปุ่ม Fn และสามารถเปลี่ยนโหมดไฟได้มากถึง 12 โหมดแบบนี้เลยค่ะ *กดให้ดูทั้ง 12 แบบ* สามารถเพิ่มไฟหรือลดไฟได้ 3 ระดับ และปิดไฟได้ เมื่อกด Fn ปุ่มไฟ และลูกศรขึ้นหรือลงค่ะ มีลูกเล่นตรงปุ่ม cap lock ที่หากไม่ได้กดปุ่มไว้ก็จะไม่มีไฟแบบนี้ค่ะ และปรับความเร็วของแสงไฟได้ 3 ระดับอีกด้วยเมื่อกดปุ่ม Fn และปุ่มลูกศรซ้าย/ขวา

 

ข้อสังเกตุของทั้ง 3 รุ่นนี้ คือไม่มี Software สำหรับ Customize หรือปรับแต่งตัวคีย์บอร์ดใดๆได้ ดังนั้นการแสดงผลของแสงสีของคีย์บอร์ด การปรับแต่งตัวคีย์บอร์ด หรือรวมไปจนถึงการตั้งมาโคร ไม่สามารถทำได้ในคีบอร์ดทั้ง 3 รุ่นนี้นะคะ

 

สำหรับ Mechanical Keyboard ทั้ง 3 แบบ 3 สวิตช์ที่ได้พูดถึงไป ถ้าจะถามว่าแบบไหนดีที่สุดเนี่ยต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละคนแล้วล่ะค่ะว่าจะใช้งานแบบไหน ถ้าใครที่ชอบความรู้สึกเวลากดคีย์บอร์ดสัมผัสแบบพิมพ์ดีดและชื่นชอบเสียงดังคลิ๊กๆเป็นจังหวะ และไม่เป็นปัญหาขณะทำงานร่วมกับผู้อื่น แจนก็ขอแนะนำเป็นคีย์บอร์ดแบบ Blue Switch หรือถ้าใครที่ชอบทำงานแบบสบายๆ สัมผัสตอนกดนิ่มๆ เสียงเบาขณะใช้งานไม่อยากให้รบกวนคนอื่น แนะนำเป็นคีย์บอร์ดแบบ Red Switch ตัวนี้เลยค่ะ สุดท้ายถ้าเป็นใครที่เป็นคนสองใจ เลือกไม่ได้กับช้อยส์ไหน แจนแนะนำคีย์บอร์ดแบบ Brown Switch เลยค่ะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อได้ที่ Tsunami Keyboard MK Series

Loading

You cannot copy content of this page