บ้านหรือที่พักอาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่เรานั่นขาดไม่ได้ และสิ่งสำคัญของที่พักอาศัยทุกที่เลยนั่นก็คือการทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆในบ้านของเรา และยิ่งในปัจจุบันเราต้องอยู่อาศัยร่วมกับ “ฝุ่น” จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นที่มีอยู่เดิม นอกจากนี้ยังมี PM 2.5 เข้ามาอีก จึงทำให้เราควรใส่ใจในการทำความสะอาดพื้นที่พักอาศัยมากยิ่งขึ้น เพื่อสุขภาพของเรานั่นเอง ซึ่งการทำความสะอาดมีหลายขั้นตอนและมีหลากหลายรายละเอียด เพราะฉะนั้นในวันนี้ E-Express มีวิธีการทำความสะอาดบ้านมาแนะนำกัน
-
ทำความสะอาดจากด้านบน
การเริ่มทำความสะอาดจากด้านบน อาทิ ฝ้าเพดาน, หลังตู้เสื้อผ้า, หลังตู้เย็น หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดกับเพดานก่อน จะทำให้เราทำความสะอาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะเราจะไม่ต้องทำความสะอาดที่พื้นซ้ำถึง 2 ครั้ง ซึ่งจะทำให้เสียเวลาและเสียแรงเป็น 2 เท่า
-
ค่อยๆ ทำไปทีละส่วน
จริงๆแล้วการแบ่งโซนทำความสะอาดเป็นสิ่งที่ควรทำไม่ว่าพื้นที่ที่เรามีอยู่จะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม การแบ่งโซนจะทำให้เราเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมรวมถึงช่วยให้เราบริหารเวลาในการทำความสะอาดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
-
ผ้าม่านและมุ้งลวด คือ ที่เก็บฝุ่นชั้นดี
สำหรับมุ้งลวดคงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากที่จะกันยุงได้แล้ว ยังสามารถดักฝุ่นได้อย่างดี รวมถึงผ้าม่านด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆ คนมองข้ามไม่ค่อยเอาไปทำความสะอาดเท่าไหร่ เพราะมันทั้งหนักและลำบากในการนำออกมาทำความสะอาด แต่อย่างไรก็ตามเราก็ควรนำออกมาทำความสะอาดบ้าง และที่สำคัญอีกจุดคือผ้าปูที่นอน เราหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับไรฝุ่นกันมาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นการทำความสะอาดผ้าปูที่นอนอย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพด้วยโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้
-
หลอดไฟ อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่ควรทำความสะอาด
หลอดไปเป็นจุดที่น้อยคนมากๆ จะนำมันมาทำความสะอาด เพราะมันเป็นเรื่องที่จุกจิกสุดๆถ้าต้องถอดมันออดมาเช็ดฝุ่น แต่รู้หรือไม่ว่า การทำความสะอาดหลอดไฟนอกจากจะช่วยลดฝุ่นแล้ว ยังทำให้หลอดไปให้แสงสว่างได้ตามที่มันควรจะเป็น เพราะยิ่งนานวันฝุ่นยิ่งเกาะ แสงที่ได้ก็จะยิ่งน้อยลง และที่สำคัญอย่าลืมตัดไฟ และอย่าให้หลอดไฟเปียก
-
เลือกอุปกรณ์ทำความสะอาดให้เหมาะกับงาน
อุปกรณ์ทำความสะอาดเป็นตัวช่วยอย่างมาก ในการทำความสะอาด อย่างที่เรารู้ “ใช้ของให้ถูกกับงาน” การเลือกเครื่องดูดฝุ่น ก็เป็นตัวเลือกที่ดีและสะดวกในการทำความสะอาด ซึ่งก็มีหลากหลายยี่ห้อในเลือกใช้ และในร้านค้าของเราก็มีเครื่องดูดฝุ่นเช่นกัน สำหรับใครที่สนใจก็สามารถกดเข้าไปดูได้เลย โดยที่ร้าน E-Express มีมาแนะนำให้ถึง 3 รุ่นด้วยกัน
Mi Vacuum Cleaner Light
เครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ เป็นเครื่องที่มีน้ำหนักเบา เพียงแค่ 1.2 กิโลกรัม ตัวเครื่องมีกำลังการดูดฝุ่น 50 แอร์วัตต์ เหมาะกับการใช้พื้นที่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากและเหมาะกับการยกเพื่อทำความสะอาดในพื้นที่สูง แต่ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดทำให้ใช้งานสูงสุด 45 นาที ต่อการชาร์จ 1 ครั้งซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมง 30 นาที ก็พร้อมใช้งานแล้ว
Mi Handheld Vacuum 1C
เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาดังนั้นจึงเหมากับการใช้กับพื้นมากกว่า แต่ไม่ต้องกังวลเพราะน้ำหนักไม่ได้เยอะตามขนาด โดยตัวเครื่องหนักเพียงแค่ 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น ด้วยพลังดูดที่มากถึง 120 แอร์วัตต์ สามารถดูดได้เกือบถูกอย่าง แต่ด้วยแรงดูดที่แรงทำให้สามารถใช้งานได้เพียง 60 นาทีต่อเนื่อง ต่อการชาร์จ 1 รอบเท่านั้น ซึ่งเวลาในการชาร์จก็ไม่ได้นานเพียงแค่ 3 ชั่วโมงครึ่ง จึงทำให้เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ได้รับความนิยม ด้วยราคาและการใช้งานที่ค่อนข้างคุ้มค่า จึงเป็นอีกรุ่นที่ไม่ควรมองข้าม
Mi Vacuum Cleaner G10
มาต่อกันสำหรับรุ่นสุดท้าย กับ Mi Vacuum Cleaner G10 สำหรับรุ่นนี้มีหน้าตาและขนาดคล้ายกันกับ Mi Handheld Vacuum 1C แต่จะแตกต่างกันตรงที่หน้าปัดด้านหลังจะเป็นจอ TFT และเวลาการทำงานรวมถึงปริมาณแบตเตอรีมากยิ่งขึ้น รวมถึงการกรองฝุ่นที่ละเอียดมากขึ้น ทำให้สามารถดูดสิ่งสกปรกต่างๆได้สะอาดมากขึ้น แต่ด้วยน้ำหนัก 4 กิโลกรัม จึงไม่เหมาะที่จะยกเพื่อทำความสะอาด แต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพแล้วถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าจับตามอง
ในยุคที่ใครหลายๆคนต้องทุ่มเทแรงการแรงใจให้กับการทำงาน ก็อาจจะทำให้เราไม่ค่อยได้มีเวลาในการทำความสะอาดได้อย่างละเอียด แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ควรที่จะละเลยการทำความสะอาดพื้นที่ที่เราอยู่อาศัย ดังนั้นการซื้อเครื่องดูดฝุ่นสักเครื่องก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และด้วยการใช้ไฟฟ้าที่มีมาก ทำให้ช่วยเราประหยัดค่าไฟฟ้าได้พอสมควรเลย
สุดท้ายนี้นอกจากจะทำความสะอาดบ้านแล้ว เราก็ไม่ควรลืมที่จะทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาดด้วย เพื่อไม่เกิดการสะสมของเชื้อโรค ซึ่งสำหรับเครื่องดูดฝุ่นแล้วถือว่าง่ายมากๆ แค่เราถอดถังเก็บออกมาแล้วนำฝุ่นไปเคาะออก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว นอกจากไม่ยุ่งยากแล้วยังประหยัดเวลาด้วย และที่สำคัญนอกจากการทำความสะอาดแล้ว เรายังได้มีโอกาสตรวจเช็คสภาพบ้านด้วย ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ซึ่งหากพบปัญหา จะได้รีบแก้ไขได้ทันที ก่อนที่จะเกิดเป็นปัญหาใหญ่