เราหลายๆคนอาจจะเคยเจอเหตุการณ์น่ากลุ้มใจอย่างเวลาเราประชุม พูดคุยสนทนากับลูกค้าหรือใครก็ตามผ่านโน๊ตบุ๊คและรับฟังเสียงคู่สนทนาจากอุปกรณ์รับ-ส่งเสียงที่ไม่ได้มีคุณภาพที่ดีมากนักและทำให้ต่างฝ่ายต่างคุยกันไม่รู้เรื่องจนเป็นปัญหากวนใจกันมาบ้างแล้ว
แต่วันนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ Conference Speakerphone จากแบรนด์ Yealink 2 รุ่นนั่นก็คือรุ่น CP700 และรุ่น CP900 ทั้งสองรุ่นจะแตกต่างกันยังไง และจะคุ้มค่ากับการซื้อมาใช้งานไหม มาดูกัน
Conference Speakerphone ทั้งสองรุ่นนี้มีความคล้ายคลึงกันมากๆ จุดเด่นหลักๆคือน้องๆจะทำให้การประชุมนอกสถานที่ของคุณมีความเป็นมืออาชีพ และเหมาะสำหรับการพกพาไปไหนมาอีกด้วย น้องมีทั้งไมค์และลำโพงในตัวที่คุณภาพดีสุดๆ อีกทั้งยังมีเคสกระเป๋าที่ทำให้เราพกพาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
สำหรับตัว CP700 จะมีรูปทรงที่เล็กกว่า น้ำหนักเบากว่า และมาพร้อมกับขาตั้งที่ทำให้เราสามารถวาง ลำโพงเฉียง 45 องศา ได้
ในขณะที่ตัว CP900 จะมีขนาดที่ใหญ่กว่านิดหน่อยและไม่ได้มีขาตั้งแถมมาให้
ถึงแม้ว่าน้องทั้งสองตัวจะเป็นรุ่นพกพาแต่ก็มาพร้อมกับคุณภาพมาเต็มๆ เริ่มด้วยการที่น้องๆมีระดับเสียง HD ที่ทำให้เสียงของเรามีความชัดเจนและเป็นธรรมชาติ รวมทั้งไมค์โครโฟนที่เก็บเสียงได้ รอบทิศทาง ไม่ว่าเราจะอยู่มุมไหนของห้องก็เก็บเสียงได้ชัดไม่ตกหล่น
รุ่น CP700 จะมีไมค์โครโฟนทั้งหมด 2 ตัวด้วยกันซึ่งสามารถรับเสียงได้ในระยะ 1.5 เมตร เหมาะสำหรับผู้ประชุม 1 ถึง 3 คน แต่สำหรับตัว CP900 จะมาพร้อมกับความเหนือชั้นขึ้นไปอีก โดยมีไมค์โครโฟนทั้งหมด 6 ตัว และรับเสียงได้ไกลถึง 2 เมตร เหมาะสำหรับผู้ประชุมตั้งแต่ 4 ถึง 6 คน
โดยทั้งสองรุ่นจะมีระบบ Full-duplex Audio ที่จะช่วยทำให้ผู้สนทนาทั้งสองฝั่งสามารถพูดคุยโต้ตอบกันได้โดยที่เสียงไม่ชนกันเหมือนกับการพูดคุยตอนเจอหน้ากันปกติ หมดปัญหาเรื่องการตอบโต้กันแล้วเสียงมีการตีกันไปเลย เพราะน้องสามารถเก็บได้ทุกประโยค ไม่มีตกหล่น
นอกจากนั้นยังมี Noise Suppression ที่เป็นตัวช่วยตัดเสียงรบกวนและมาพร้อมกับ Digital Signal Processing ช่วยทำให้เสียงมีความคมชัดมากขึ้น อีกเรื่องที่เด่นมากๆเลยนั่นก็คือ Automatic Echo Canceller ช่วยลดเสียงสะท้อนและเสียงก้องได้เกือบ 100 % ด้วยฟีเจอร์ทั้งหมดที่พูดมาทำให้เสียงที่ได้มีความชัดเจน ไม่มีเสียงรบกวนมากวนใจ และทำให้เราได้โฟกัสกับการประชุมได้มากยิ่งขึ้น
การเชื่อมต่อของทั้งสองรุ่นสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งหมด 2 แบบ
- เชิ่อมต่อแบบ Plug and Play เป็นการเชื่อมต่อผ่านสาย USB-A โดยรุ่น CP700 จะเป็นสายยาว 80 ซม. และ รุ่น CP900 สายจะยาว 90 ซม.
- ถ้าใครไม่ชอบต่อสายก็สามารถต่อกับ Bluetooth 4.2 ได้ ซึ่งน้องสามารถเชื่อมต่อไร้สายได้ไกลถึง 30 เมตร และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์พร้อมกันได้สูงสุด 3 เครื่อง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ก็ไม่มีปัญหา
ส่วนใครที่กังวลว่าถ้าพกไปข้างนอกแล้วแบตจะหมดไวรึเปล่า ต้องบอกเลยว่าหายห่วงได้เลย เพราะว่าขนาดเจ้าตัว CP700 นั้นเมื่อเราชาร์จไฟเพียง 3 ชม. ก็สามารถนำไปใช้งานนานๆ ถึง 9 ชม. ได้เลยสบายๆ แต่ถ้าเกิดไม่ได้ใช้งานเลย น้องก็สามารถอยู่ในโหมด Standby ได้นานถึง 230 วัน
ส่วนเจ้าตัว CP900 ที่รุ่นใหญ่มาหน่อยก็สามารถอยู่ได้นานกว่า โดยที่ถ้าน้องชาร์จไฟเพียง 3 ชม. ก็สามารถใช้งานได้นานถึง 12 ชม. แต่ถ้าไม่ได้ใช้งานวางไว้เฉยๆเนี่ย น้องจะอยู่ในโหมด Standby ได้ยาวนานถึง 450 วัน ซึ่งโหมด Standby จะเปิดใช้อัตโนมัติเมื่อเราไม่ได้ใช้งานเกิน 30 นาทีขึ้นไป
ทั้งสองรุ่นมีปุ่มควบคุม LED แบบสัมผัสถึง 8 ปุ่มด้วยกัน ได้แก่
ปุ่มเปิด – ปิด
ปุ่มสำหรับเชื่อมต่อ Bluetooth (วิธีเชื่อมต่อคือให้กดค้างไว้จนกว่าไฟจะกะพริบ จากนั้นก็สามารถกดเชื่อมผ่านโทรศัพท์มือถือของเราได้เลย)
ปุ่มสำหรับ Mute ไมค์
ปุ่มสำหรับเพิ่มเสียง
ปุ่มสำหรับลดเสียง
ปุ่มรับสาย
ปุ่มวางสาย
ปุ่ม Microsoft Team (โดยน้องทั้งสองรุ่นได้รับ Certified จาก Microsoft Team ทำให้ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับ Microsoft Team เราจึงใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น) ซึ่งปุ่มนี้มีลูกเล่นเยอะมาก โดยถ้ากดปุ่มจะเป็นการเปิดโปรแกรม Microsoft Team ขึ้นมา และเมื่อปุ่มนี้กะพริบหมายความว่าเรามีนัดหมายการประชุมหรือ Meeting ที่เราต้องเข้าร่วมนั่นเอง เมื่อเรากดปุ่มแล้วจะเป็นการเปิดหน้า Meeting ขึ้นมาทำให้เราสามารถกดเข้าร่วมการประชุมได้ทันที หรือถ้าหากมีคนมาแล้วเราไม่ได้รับสาย เจ้าปุ่มนี้ก็จะแจ้งเตือนเราด้วยการกะพริบ หากเรากดปุ่มน้องจะทำการเปิดประวัติการโทรมาให้เราโทรกลับได้ทันที
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับ Conference Speakerphone ทั้งสองรุ่นนี้ เรามาสรุปกันเลยดีกว่าว่าน้องๆควรค่าแก่การใช้งานไหม อย่างแรกเลยคือทั้งสองรุ่นเหมาะมากๆสำหรับชาวออฟฟิศหรือผู้บริหารที่ต้องการใช้การประชุม Conference มีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องพกอุปกรณ์หลายๆชิ้น รวมทั้งน้องสามารถพกพาไปข้างนอกได้ทุกที่แถมยังมีฟีเจอร์เรื่องเสียงมาให้แบบจัดหนักจัดเต็ม ยิ่งถ้าใครใช้งาน Microsoft Team เป็นหลักก็คงจะฟินมากๆ เพราะทั้งสองตัวนี้สามารถใช้งานร่วมกันได้ดีเลยทีเดียว
เอาเป็นว่าถ้าใครที่ใช้งานเจ้าลำโพงนี้คนเดียวหรือมีทีมที่คนไม่ได้เยอะมากประมาณ 1 – 3 คน ก็แนะนำให้เลือกรุ่น CP700 แต่ถ้าใครที่มีสมาชิกเยอะขึ้นมาอีก ก็สามารถเลือกเจ้าตัว CP900 ได้เลย เพราะถ้าคนในทีมตั้งแต่ 4 – 6 คน ก็ใช้งานได้สบายมากๆ
ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสนใจอยากจะซื้อมาใช้งานก็สามารถคลิ๊กที่ลิงค์นี้ได้เลย https://bit.ly/3Y0VzYt