รีวิว Brother P-Touch PT-D200 | เครื่องพิมพ์ฉลากสำหรับบ้านและออฟฟิศ

 

ใครที่ชอบทำงานคราฟต์ งานแฮนด์เมด หรืออยากหาสติ๊กเกอร์มาติดจัดระเบียบของในบ้าน รวมไปถึงคุณพ่อคุณแม่ที่อยากจะหาสติ๊กเกอร์ติดชื่อของใช้ให้ลูกๆไปโรงเรียนเนี่ย วันนี้เรามีอุปกรณ์ดีๆมาแนะนำกันค่ะ นั่นก็คือเครื่องพิมพ์ฉลากจากแบรนด์ Brother นั่นเอง ถ้าพูดถึงแบรนด์ Brother ทุกคนจะคิดถึงอะไรกันบ้างคะ แน่นอนว่าคงจะต้องคิดถึงเครื่องปริ้นท์ ไม่ก็จักรเย็บผ้าใช่มั้ยล่ะคะ ต้องบอกเลยว่าแบรนด์ Brother เป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นที่มีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี และได้รับการยอมรับไปทั่วโลกเลย เขาไม่ได้มีแค่เครื่องปริ้นท์และอุปกรณ์ในสำนักงานที่เราคุ้นชิน แต่เครื่องพิมพ์ฉลากที่เรานำมาวันนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

สำหรับเครื่องพิมพ์ฉลากในวันนี้ก็เป็นรุ่น Brother P-Touch รุ่น PT-D200 ค่ะ แอบกระซิบว่าเครื่องนี้นำมาใช้งานจริงที่ออฟฟิศเราเลยนะคะ ตัวเครื่องในกลุ่ม P-Touch ส่วนใหญ่จะใช้งานร่วมกับ TZe Tape เทปเคลือบลามิเนต ที่ทนต่อทุกสภาพอุณหภูมิ กันน้ำ ทนต่อสารเคมี ทนต่อการซีดจาง กันรอยขีดข่วน เหมาะกับการใช้งานหลากลาย สามารถลอกออกได้ง่าย และยึดเกาะได้ดีเยี่ยม สำหรับรุ่น PT-D200 สามารถใช้เทปขนาดความกว้างได้ทั้งหมด 4 ขนาดค่ะ นั่นก็คือ 3.5 / 6 / 9 / 12 มิลลิเมตรค่ะ โดยในแต่ละขนาดก็จะมีหลายสีให้เลือก ทั้งสีของตัวหนังสือและสีของเทปค่ะ มีทั้งเทปสีขาว สีเหลือง สีเขียว สีแดง สีน้ำเงิน อย่างตลับเทปที่ให้มากับตัวเครื่องจะเป็นขนาด 12 mm ตัวอักษรสีดำบนพื้นเทปสีขาวค่ะ โดยในปัจจุบัน TZe Tape ก็มีออกมาหลายยี่ห้อนะคะ ทั้งจากแบรนด์ Brother เองและแบรนด์อื่นๆ ก็สามารถนำมาใช้งานร่วมกับตัวเครื่องได้ค่ะ

TAPE (เทปพิมพ์ฉลาก) BROTHER TZE-251 BK/W 24 MM

ตอนนี้เราไปดูตัวเครื่องแบบใกล้ ๆ กันดีกว่าค่ะ ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ถือว่าสามารถพกพาสะดวก มาพร้อมกับหน้าจอ LCD แสดงผลตรงนี้นะคะ สามารถแสดงตัวอักษรได้ 15 ตัวใน 1 แถว แต่สามารถพิมพ์ได้ยาวถึง 80 ตัวอักษรเลยค่ะ เวลาเราพิมพ์ก็จะเห็นเป็นตัวอย่างก่อนพิมพ์ตรงนี้เลย ด้านข้างจะมีเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่อง แล้วก็ปุ่ม Menu ส่วนอีกข้างจะมีเป็นปุ่มพิมพ์ ปุ่มดูตัวอย่างก่อนพิมพ์ค่ะ ตรงด้านล่างจอแสดงผลก็จะมีเป็นลูกศรไว้เลื่อนซ้ายขวา ปุ่ม ESC ปุ่ม OK แบบนี้ค่ะ ปุ่มสีเขียว 4 ปุ่มตรงนี้จะเป็นปุ่มฟอนต์ ปุ่มกรอบ ปุ่มสัญลักษณ์ และปุ่มโหมดตกแต่งข้อความค่ะ ตัวเครื่องมาพร้อมคีย์บอร์ดแบบ QWERTY ใช้งานง่ายเหมือนคีย์บอร์ดปกติที่เราใช้กันค่ะ แต่แอบมีข้อสังเกตนิดนึงตรงที่ตัวอักษรภาษาไทยแอบมีสลับที่ เพราะตัวปุ่มจะหายไป 2 ปุ่มเมื่อเทียบกับคีย์บอร์ดปกติ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับการใช้งานค่ะ แล้วก็ยังมีปุ่ม Caps ที่ใช้งานเหมือน Caps lock ที่เราคุ้นเคยกันค่ะ มีปุ่มเปลี่ยนภาษาไทยกับอังกฤษอยู่บริเวณซึ่งถือว่าสะดวกต่อการใช้งานมากๆเลยค่ะ ปุ่มด้านล่างสุดเป็น Space Bar แล้วก็ปุ่ม Shift นั่นเองค่ะ ด้านบนจะมีช่องที่เทปออกมาและเป็นตัวตัดเทปค่ะ และช่องสำหรับเสียบ Power Adapter ที่สามารถซื้อเพิ่มได้ค่ะ

เมื่อเปิดกล่องมานะคะ ก็จะเจอถ่าน AAA ทั้งหมด 6 ก้อน แล้วก็ตัวเครื่อง PT-D200 มาพร้อมคู่มือการใช้งานภาษาไทย และ TZe Tape แบบตัวหนังสือดำบนพื้นเทปสีขาว ก่อนใช้งานเราก็ใส่ถ่านทั้งหมด 6 ก้อนเลยค่ะ แล้วก็ประกอบตลับเทปเข้าไปในตัวเครื่องซึ่งก็ทำได้ง่ายมากๆ และหากอยากจะสลับเทปสีอื่นๆใช้ก็สามารถเปลี่ยนได้ง่ายเช่นกันค่ะ เพียงแค่นี้ก็เริ่มใช้งานได้แล้วค่ะ เดี๋ยวเรามาลองใช้งานกันเลยค่ะ

สมมติอยากพิมชื่อช่องของเรานะ ก็พิมไปเลยค่ะ ถ้าอยากได้ตัวภาษาอังกฤษเป็นพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดก็สามารถกดปุ่ม Caps ได้ จะมีสัญลักษณ์ขึ้นแบบนี้ (A<a) บนจอแสดงผลด้วยค่ะ นอกจากนั้นยังมีตัวหนังสือเขียนว่า Eng เมื่อเราใช้งานภาษาอังกฤษอยู่อีกด้วยค่ะ เมื่อกดเปลี่ยนเป็นภาษาไทยตัวหนังสือจะหายไปแบบนี้ค่ะ เมื่อเราได้คำที่ต้องการแล้วยังสามารถเลือกลักษณะของตัวหนังอักษรได้อีกด้วยผ่านปุ่มสีเขียวทั้ง 4 ปุ่มที่เราเคยพูดถึงไปนะคะ

PT-D200 - เครื่องพิมพ์ฉลากสำหรับสำนักงาน | บราเดอร์ ประเทศไทย

ปุ่มแรกปุ่มฟอนต์ สามารถเลือกขนาดได้ค่ะ มีใหญ่ กลาง เล็ก ต่อมาสามารถเลือกความกว้างของตัวอักษรได้ มีปกติ กว้าง แคบ และยังสามารถเลือกรูปแบบตัวอักษรอื่นๆได้ถึง 10 รูปแบบ แบบนี้เลยค่ะ

ปุ่มต่อมาปุ่มกรอบค่ะ สามารถเลือกได้ถึง 11 รูปแบบ แบบนี้เลย [แปะรูปจากคู่มือ] สำหรับตัวกรอบไม่สามารถพิมบนเทปขนาดกว้าง 3.5 mm ได้นะคะ ต้องเป็น 6 mm ขึ้นไปเท่านั้นค่ะ

ปุ่มต่อมาเป็นปุ่มสัญลักษณ์นะคะ ตรงนี้จะเป็นเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ แบบทั่วไป และ ภาพสัญลักษณ์ ในแต่ละกลุ่มก็จะมีย่อยลงไปอีก เหมือนอิโมจิที่เราคุ้นเคยเลยค่ะ สามารถเลือกได้เลยแบบนี้ เดี๋ยวจะขึ้นภาพชัดๆให้ดูด้วยค่ะว่ามีอิโมจิแบบไหนบ้าง [แปะรูปจากคู่มือ]

ปุ่มที่สี่ปุ่มสุดท้ายเป็นปุ่มโหมดแต่งข้อความค่ะ สามารถเลือกได้ 12 โหมด แบบนี้เลย

เมื่อเราได้คำที่ต้องการแล้วเนี่ย ยังสามารถตั้งค่าเทปได้จากปุ่ม Menu ตรงนี้อีกด้วยค่ะ เมื่อกดปุ่มเมนูจะสามารถเลือกภาษาได้ค่ะว่าเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ตรงนี้จะเป็นภาษาของตัวเครื่องในการแสดงค่าต่างๆนะคะ ไม่ใช่ภาษาตัวอักษรที่เราพิมพ์ ต่อมาเป็นความยาวฉลาก เมื่อกดเข้าไปนะคะ จะมีให้เลือกเป็นอัตโนมัติ หรือกดเลือกขนาดได้เลยหน่วยเป็นมิลลิเมตร สำหรับความแตกต่างของการตั้งค่าตรงนี้คือ ขนาดของตัวอักษรที่ออกมานั่นเอง กลับมาที่หน้าแรกที่เราพิมก่อนนะคะ จะมีตัวเลขแสดงที่มุมขวาล่างแบบนี้เป็นความยาวของคำที่เราพิมทั้งหมดนั่นเองค่ะ ถ้าเป็นอัตโนมัติก็จะความยาวตามที่ขึ้นเลยหรือก็คือ 108 mm แต่ถ้าเราเลือกความยาวฉลากเองเนี่ย เครื่องจะขึ้นค่าเลขต่ำสุดที่สามารถพิมพ์ได้จะอยู่ที่ 30 mm ค่ะ สมมติเปลี่ยนเป็นคำอื่นค่าความยาวก็จะต่างกันไปแบบนี้ค่ะ เดี๋ยวมาปริ้นท์เทียบระหว่างการตั้งค่าความยาวฉลากแบบอัตโนมัติ และ แบบเลือกความยาวเองให้ดูนะคะ จะเห็นว่าออกมาเป็นคำเดียวกันแต่ขนาดจะต่างกันแบบนี้เลยค่ะ เพราะเมื่อเรากำหนดความยาวฉลากเครื่องเขาจะบีบคำที่เราพิมให้พอดีกับความยาวที่เลือกไว้นั่นเองค่ะ

การตั้งค่าต่อมาเป็นการตั้งค่าขอบเทปค่ะ มีให้เลือก 4 แบบ คือ แบบเต็ม แบบครึ่งเดียว แบบแคบ แบบต่อเนื่องค่ะ เดี๋ยวมาลองแต่ละแบบแล้วเทียบกันนะคะ การตั้งค่าขอบเทปแบบนี้จะไม่ลดขนาดของตัวอักษรบนเทปค่ะ ที่ต่างกันคือ ขอบข้าง ๆ เท่านั้น แล้วเมื่อเลือกแบบครึ่งเดียว หรือ แบบแคบ จะมีจุด 2 จุดแบบนี้เป็นรอยปะ เพื่อให้เราใช้กรรไกรตัดเพื่อให้ขอบเทปเท่ากันทั้ง 2 ข้างนั่นเอง การตั้งค่าแบบต่อเนื่องมีไว้สำหลับพิมฉลากที่มีข้อความหลายรูปแบบ หรือหลายคำค่ะ สมมติเราพิม ABC ไว้แบบนี้นะคะ เลือกแบบตัวโปร่งไว้แบบนี้ กด OK จากนั้นเครื่องจะพิมพ์ออกมาแต่เราอย่าพึ่งกดตัดเทปนะคะ เมื่อมีข้อความ “ตกลงที่จะป้อน?” ขึ้นมาแบบนี้ สามารถกด ESC เพื่อพิมข้อความอื่นต่อ หรือเปลี่ยนรูปแบบได้ค่ะ แบบนี้นะคะ เราสามารถกด ESC ได้เรื่อยๆ เลยค่ะ แล้วถ้าครบแล้วเมื่อข้อมความขึ้นมาก็ให้เรากด OK หลังจากนั้นก็สามารถกดตัดเทปได้เลยค่ะ

การตั้งค่าต่อมาเป็นการตั้งชื่อฉลาก โดยจะมีโครงร่างมาให้เลือกหลายรูปแบบให้เลือกใช้ เดี๋ยวเลือกเป็นแบบแรกนะคะ เมื่อกด OK แล้วก็จะให้พิมข้อความ 1 จะแสดงที่บรรทัดบน ข้อความ 2 จะอยู่บรรทัดล่าง หลังจากนั้นจะมีให้เลือกความยาวฉลากเหมือนเดิมค่ะ ถ้าอัตโนมัติก็จะบอกความยาวอยู่มุมขวาล่าง หรือจะกำหนดความยาวเองก็ได้ค่ะ จากนั้นกด OK แล้วพิมได้เลยค่ะ

การตั้งค่าถัดมาคือแท็บและความยาวของแท็บค่ะ สามารถเลือกว่าจะเว้นระยะห่างแค่ไหน เดี๋ยวมาลองดูกันนะคะ สมมติคำว่า TECH นะคะ เมื่อเลื่อนเคอเซอร์ไปไว้ที่ตัวอักษรตัวไหนจะหมายถึงเราจะแทรกข้างหน้าตัวนั้น แล้วมาเลือกความยาวแท็บค่ะอันแรกเราเลือกที่อัตโนมัตินะคะ อีกอันเราตั้งไว้ที่ 2 mm ก็จะเป็นแบบนี้เลยค่ะ

การตั้งค่าสุดท้ายคือการลบนะคะ เราสามารถเลือกได้ว่าจะลบแค่ข้อความ หรือ ลบการตั้งค่าทั้งหมดที่เคยตั้งค่าไว้ค่ะ ซึ่งถ้าลบการตั้งค่าทั้งหมดก็จะหมายถึงพวกตัวอักษร กรอบ ค่าขอบเทปต่างๆที่ตั้งค่าไว้นั่นเองค่ะ

นอกจากนั้นแล้วนะคะเครื่องพิมพ์ฉลาก Brother P-Touch รุ่น PT-D200 ยังสามารถบันทึกไฟล์เพื่อพิมพ์ซ้ำคราวหน้าได้ถึง 9 รายการเลยค่ะ สามารถตั้งได้สูงสุด 80 ตัวอักษรต่อไฟล์ รวมกันสูงสุด 720 ตัวอักษรเลยค่ะ ก่อนอื่นพิมคำที่ต้องการ แล้วก็ไปที่ปุ่ม Menu เลือกไปที่ไฟล์ค่ะ จากนั้นเลือกไปที่บันทึก เลือกตำแหน่งที่จะบันทึกได้เลยค่ะ มี 9 รายการให้เลือก เมื่อบันทึกไว้แล้วก็สามารถเข้าดูคำต่างๆได้ โดยกดปุ่ม Menu เหมือนเดิม เลือกไปที่ไฟล์ กด OK แล้วเลือกไปที่เปิด เลื่อนดูได้ว่าเราบันทึกอะไรไว้บ้างแบบนี้เลยค่ะ แล้วถ้าจะพิมพ์คำที่เซฟไว้ก็เข้าไปที่ไฟล์แล้วเลือกพิมพ์จากนั้นก็เลือกคำที่บันทึกไว้ได้เลยค่ะ

จะเห็นได้ว่าการพิมพ์เทปแต่ละครั้งมีเทปด้านหน้าที่เสียพื้นที่ไปเปล่าๆ ทำให้สิ้นเปลืองเทปมากๆเลยล่ะค่ะ เราก็มีทริกเล็ก ๆ ในการประหยัดเทปมาฝากกันในวันนี้ด้วยค่ะ สมมติว่าเราเตรียมคำที่จะพิมพ์ฉลากไว้แล้วและไม่ซีเรียสเรื่องความยาวของเทปในแต่ละคำ เราสามารถตั้งค่าขอบเทปแบบต่อเนื่องแล้วพิมคำให้ครบตามที่ต้องการแล้วค่อยกดตัดเทปทีเดียวจะประหยัดที่สุดค่ะ เพราะจะเสียพื้นที่เทปด้านหน้าเทปแค่คำแรก หลังจากนั้นพื้นที่ในคำถัดมาจะเว้นห่างเท่าๆกัน สามารถนำเทปมาใช้กรรไกรตัดเพื่อนำไปใช้งานต่อได้เลยค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับเครื่องพิมพ์ฉลาก Brother P-Touch รุ่น PT-D200 ที่เรานำมารีวิวกันในวันนี้ต้องบอกเลยว่าใช้งานง่ายมากๆ พิมพ์ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นยังมีกรอบและสัญลักษณ์ต่างๆ ให้เลือกตกแต่งฉลากให้ไม่ซ้ำใครอีกด้วย แถมหากเบื่อแล้วอยากจะเปลี่ยนใหม่ก็สามารถลอกออกได้อย่างง่ายได้

ใครที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถกดเข้าไปดูที่ Brother P-Touch PT-D200

 1,505 total views,  1 views today

You cannot copy content of this page